![]() |
จากดินสู่ดิน |
คำนิยม ศุภรา จันทร์ชิดฟ้า เป็นนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ที่มากด้วยคุณภาพ เธอมีประสบการณ์โชกโชนในการจับประเด็นข่าวและขุดค้นข้อมูลซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้กัน อีกทั้งยังมีความสามารถในการนำเสนออย่างกระชับและน่าติดตาม โดยคำนึงถึงความถูกต้องของข้อเท็จริง เที่ยงธรรม และรอบด้าน เพียงเท่านี้บุคคลอย่างเธอก็หาได้ยากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นประเด็นที่เธอนำเสนอมักไม่ใช่เรื่องราวที่คนทั่วไปสนใจแต่มีความสำคัญต่อสังคม และมักจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อคนยากไร้ และบ่อยครั้งก็ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้มีอำนาจ ซึ่งมักมีผลประโยชน์มหาศาลเกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว มิหนำซ้ำข้อเขียนของเธอยังตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษแทบทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่นักข่าวนักหนังสือพิมพ์อย่างเธอมีจำนวนเพียงแค่หยิบมือในเมืองไทย และไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนอกแวดวงสื่อมวลชน เกือบ ๒๐ ปีที่ศุภราเดินทางขึ้นลงทั่วประเทศ เขียนบทความหลายร้อยชิ้น ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ มากมายที่ชาวบ้านกลายเป็นผู้รับเคราะห์ ไม่ว่า สิ่งแวดล้อม เกษตรกรรม ที่ดิน แรงงาน สิทธิมนุษยชน พลังงาน สาธารณสุข สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประมงพื้นบ้าน ฯลฯ (ชวนให้อดสงสัยไม่ได้ว่ายังมีประเด็นใดหลงเหลือที่เธอไม่เคยเข้าไปทำข่าวเลย) ทั้งนี้เพราะเธอเห็นว่า เรื่องราวของเขาเหล่านั้นไม่ควรถูกเก็บงำ เสียงร้องของพวกเขาควรได้รับการสดับ และ “หน้าตา”ของเขาก็ควรเป็นที่รับรู้ อย่างน้อยก็เพื่อระลึกว่าคนเหล่านั้นเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและรักสุขเกลียดทุกข์ เช่นเดียวกับเรา ในสังคมที่ช่องว่างระหว่างคนมีกับคนยากไร้ถ่างกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ข้อเขียนของศุภราเป็นเสมือนสะพานที่เชื่อมให้คนในเมือง โดยเฉพาะคนที่มีสถานะทางสังคมและเศรษกิจเหนือกว่าคนส่วนใหญ่ (ซึ่งจำนวนไม่น้อยอ่านหนังสือบางกอกโพสต์ที่เธอทำงานให้) ได้รับรู้ถึงความทุกข์ยากของเพื่อนร่วมชาติร่วมสังคม ไม่นิ่งดูดายต่อความเดือดร้อนของพวกเขา หากไม่เป็นเพราะโรคมะเร็ง รายงานข่าวของเธอก็ยังคงทยอยสู่สายตาของผู้อ่านอย่างสม่ำเสมอดังที่เคยเป็นมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่ถึงแม้มิอาจเดินทางไปทำข่าวได้เหมือนเคย มิใช่วิสัยของเธอที่จะอยู่นิ่งเฉย ผลพลอยได้อย่างหนึ่งจากความเจ็บป่วยของเธอ คือหนังสือเล่มนี้ ซึ่งไม่เพียงเปิดเผยให้เรารู้ถึงเบื้องหลังการทำงานอันสมบุกสมบันและเต็มไปด้วยความเหนื่อยยากของเธอ หากยังนำพาเราสู่ชีวิตวัยเด็กของเธอซึ่งเต็มไปด้วยความลำเค็ญไม่น้อยไปกว่าชาวบ้านที่เธอไปทำข่าว เชื่อว่ามิตรสหายของเธอ น้อยคนจะเคยรับรู้ถึงความยากจนข้นแค้นในวัยเด็กของเธอ (ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่ไม่เคยได้ยินเธอปริปากหรือเล่าเรื่องนี้ให้ฟังแม้จะรู้จักมานานเกือบ ๒๐ ปี) หากยังสุขสบายดี มีแรงทำงาน เธอคงไม่เล่าหรือเขียนเรื่องของเธอให้ฟัง แต่ถึงแม้หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวความทุกข์เข็ญ ทั้งของเธอและของชาวบ้าน ตลอดทั้งเล่มกลับไม่มีเสียงโอดครวญ ท้อแท้ สิ้นหวัง หรือก่นด่าชะตากรรมจากเธอเลย มีแต่ความเพียรพยายามเพื่อเอาชนะอุปสรรค ไม่ยอมให้ความยากจนมาขัดขวางจุดหมายในชีวิตของเธอ ความใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาของเธอนั้นมีพลังมาก ลำบากเพียงใดก็ไม่ยอมแพ้ ขวนขวายจนได้ร่ำเรียนในสถาบันการศึกษาอันดับต้น ๆ ของประเทศ พัฒนาตนจนมีความรู้ความสามารถอย่างที่คนรุ่นเดียวกันน้อยคนจะมีได้ ไม่เพียงเอาชนะความอัตคัดขัดสนและอับโชคในวัยเยาว์ ศุภรายังทำมากกว่านั้น คือใช้ความรู้ความสามารถของตนเพื่อช่วยเหลือคนยากไร้ ซึ่งเดือดร้อนเพราะโครงสร้างและนโยบายที่ไม่เป็นธรรม อันที่จริงคนที่มีความสามารถอย่างเธอสามารถแสวงหาความร่ำรวยและไต่เต้าเอาดีทางสังคมได้ไม่ยาก การได้ศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษสามารถใช้เป็นใบเบิกทางให้เธอมีชีวิตที่สุขสบายกว่าที่เป็นอยู่ จะว่าไปแล้วลำพังรางวัลนานาชาติหลายรางวัลที่เธอได้รับย่อมเปิดโอกาสให้เธอทำงานในต่างประเทศหรือสำนักข่าวระหว่างประเทศด้วยเงินเดือนที่สูงลิ่วได้อย่างสบาย แต่เธอเลือกที่จะทำอย่างที่เคยทำ นั่นคืออยู่อย่างติดดินเพื่อเป็นปากเสียงให้แก่ผู้ยากไร้ โดยไม่ลืมที่จะถ่ายทอดมุมมองหรือข้อเท็จจริงของอีกฝ่าย เพื่อให้ผู้อ่านตัดสินด้วยตนเอง ผู้อ่านคงอดสังสัยไม่ได้เช่นเดียวกับข้าพเจ้าว่าเธอเอาเรี่ยวแรงจากไหนมาทำข่าวอย่างสมบุกสมบัน ทำงานซึ่งเต็มไปด้วยความยากลำบากและมากด้วยแรงกดดันอย่างต่อเนื่องเกือบ ๒๐ ปี แต่หากรับรู้ภูมิหลังในวัยเยาว์ของเธอ คงหาคำตอบได้ไม่ยาก หนังสือเล่มนี้ จึงมิใช่เป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำเค็ญเท่านั้น หากจะกล่าวให้ถูกต้อง นี้คือเรื่องราวของการต่อสู้ไม่ยอมแพ้ต่อความทุกข์ยาก ทั้งส่วนตัว และของกลุ่มชนผู้ยากไร้ ด้วยความพากเพียร ความเสียสละ ความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล ความกล้าหาญ และด้วยสติปัญญา จึงเป็นหนังสือที่น่าจะให้แรงบันดาลใจแก่ผู้อ่านได้ไม่น้อย เมื่อ ๔๐ กว่าปีก่อนศุภราใช้ความวิริยะอุตสาหะเอาชนะความทุกข์ จนหลุดจากกับดักแห่งความยากจน และสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวให้มีชีวิตที่สุขสบายได้ แต่วันนี้เธอกำลังเผชิญกับความทุกข์อย่างใหม่ ซึ่งมิอาจเอาชนะได้ด้วยความวิริยะอุตสาหะอย่างเดิม ๆ ได้ ในการรับมือกับโรคมะเร็ง นอกจากยาและเทคโนโลยีทางการแพทย์แล้ว การวางใจอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ อย่างน้อยก็ช่วยให้ใจไม่ทุกข์ แม้กายจะเจ็บป่วยก็ตาม หวังว่าธรรมโอสถที่เธอได้รับจากการใคร่ครวญความจริงของชีวิต จะช่วยให้เธออยู่กับมะเร็งได้ด้วยใจที่สงบเย็น ไม่ว่าปาฏิหาริย์จะมีหรือไม่ก็ตาม พระไพศาล วิสาโล |
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|