การไปงานบวชจะได้บุญก็ต่อเมื่ออนุโมทนาในการทำความดีของผู้บวช ( ความดีดังกล่าวก็คือการบวชหรือการละโลกเพื่อเข้าหาธรรม) เรียกบุญดังกล่าวว่า ปัตตานุโมทนามัย บุญยังเกิดจากการสละเงินและแรงงานเพื่อช่วยงานบวช ซึ่งเป็นการช่วยเหลือส่วนรวมอย่างหนึ่ง เรียกบุญดังกล่าวว่า ทานมัยและไวยาวัจจมัย แต่หากไปงานบวชเฉย ๆ โดยไม่ได้ทำสิ่งดังกล่าวเลย ก็จะได้บุญน้อย อย่างไรก็ตามความดีดังกล่าวเราทำที่ไหนก็ได้บุญทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องไปทำในงานบวชก็ได้
ความคิดว่าไปงานบวชแล้วจะได้รับพลังหรืออานิสงส์จากการบวชโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังได้บุญมากกว่าการทำสมาธิภาวนา เป็นความเชื่ออย่างใหม่ที่อาตมาเพิ่งได้ยิน หากพูดถึงคำสอนทางพุทธศาสนาแล้ว การทำกรรมฐานหรือสมาธิภาวนา ย่อมมีอานิสงส์มากกว่าการไปร่วมงานบวช เพราะเป็นการฝึกจิตขัดเกลากิเลสโดยตรง
ในเรื่องนี้พึงระลึกว่า บุญในพุทธศาสนาเกิดจากทาน ศีล ภาวนา เป็นสำคัญ (ซึ่งสามารถกระจายเป็น ๑๐ ประการ โดยรวม ไวยาวัจจมัย และปัตตานุโมทนามัยไว้ด้วย) หากไปงานบวชแล้ว เพียงแค่ร่วมพิธีกรรมเฉย ๆ แต่ไม่ได้บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา ก็หาได้บุญไม่ จะว่าไปแล้วความคิดว่าการร่วมพิธีกรรมเฉยๆ แล้วจะได้บุญนั้น เป็นรูปแบบหนึ่งของสีลัพพตปรามาส (การถือศีลหรือยึดติดในข้อปฏิบัติด้วยความหลงหรือกิเลส) ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางการบรรลุธรรม |