|
จุดนั้นอยู่ตรงกลางห่างประตูแค่ ๑๑ เมตร อีกทั้งผู้เล่นก็มีเวลาพินิจว่าจะเตะลูกฟุตบอลไปทางไหน ส่วนผู้รักษาประตูก็ต้องยืนอยู่ใต้คานประตู ไม่สามารถวิ่งมาแย่งลูกได้เลย ไม่มีโอกาสใดที่ผู้เล่นจะทำประตูได้มากเท่านี้อีกแล้ว แต่บ่อยครั้งการเตะลูกโทษกลับลงเอยด้วยความผิดพลาด ปัญหาดังกล่าวไม่ค่อยเกิดกับนักฟุตบอลหากเป็นการซ้อม แต่เมื่อใดที่เป็นการเล่นนัดสำคัญ การเตะลูกโทษไม่เข้ากลับเกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะการดวลลูกโทษเพื่อหาผู้ชนะในนัดตัดเชือกของฟุตบอลโลกหรือน้อง ๆ อย่างฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฝีมือ งานศึกษาวิจัยหลายชิ้นสรุปผลตรงกันว่า จะยิงลูกโทษเข้าหรือไม่อยู่ที่ใจเป็นสำคัญ นักฟุตบอลที่เคยเตะพลาดมาแล้ว (หรือทีมของตนเคยแพ้มาแล้วในการดวลจุดโทษ) มีโอกาสเตะพลาดซ้ำอีก (ทีมชาติอังกฤษเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้ได้เลย) เช่นเดียวกับผู้เล่นที่กังวลถึงภาพลักษณ์ของตัว หรือกลัวว่าจะถูกโจมตีจากแฟนบอลและสื่อมวลชนหากเตะไม่เข้า ก็มักจะเตะไม่เข้าจริง ๆ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่นักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์มีแนวโน้มจะยิงลูกโทษพลาดมากกว่านักฟุตบอลโนเนม ดิเอโก มาราดอนนา มิเชล พลาตินี โรเบอร์โต บัจโจ เป็นตัวอย่างที่ขึ้นชื่อในเรื่องนี้ ยิ่งเก่งและโด่งดังมากเท่าไร ก็ยิ่งถูกคาดหวังสูงจากแฟนบอลมากเท่านั้น ดังนั้นหากเตะไม่เข้า ก็จะสร้างความผิดหวังหรือถึงกับทำให้แฟนบอลสาปแช่ง ยังไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าผู้คนนับแสนหรือนับล้าน ยิ่งนึกต่อไปอีกว่าการเตะพลาดอาจหมายถึงการชวดเป็นแชมป์ ก็ยิ่งทำให้เกิดปริวิตกมากขึ้น นี้คือส่วนหนึ่งของแรงกดดันที่ทำให้ผู้เล่นระดับพระกาฬถึงกับตีนบอดมาแล้ว ส่งผลให้ทีมของตนพ่ายแพ้หรือตกรอบในนัดสำคัญ บางคนพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ เช่นลื่นล้มก่อนจะเตะบอล ด้วยเหตุนี้จึงมีนักเตะหลายคนที่ขอปฏิเสธเป็นมือสังหารที่จุดโทษ เพราะใจไม่นิ่งพอ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน หากใจเครียด วิตกกังวลแล้ว ความสามารถก็หดหายไปดื้อ ๆ บางคนชัยชนะอยู่แค่เอื้อม เพราะเล่นดีมาตลอดเนื่องจากมีสมาธิ แต่พอนึกถึงชัยชนะที่ฝันใฝ่มานาน ก็เกิดตื่นเต้น จนฝีมือตกฮวบ และกลายเป็นแพ้ในที่สุด กรณีคลาสสิคก็คือ จานา โนว็อตนา ซึ่งหากทำได้อีกเพียง ๑ คะแนนเท่านั้น เธอก็จะชนะสเตฟฟี กราฟ และได้แชมป์วิมเบิลดันปี ๒๕๓๖ แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็เล่นผิดฟอร์ม และปล่อยให้สเตฟฟี กราฟตีตื้นจนเอาชนะเธอได้ในที่สุด สร้างความงงงวยให้แก่ผู้ดูเป็นอย่างยิ่ง นักกีฬาทุกคนย่อมรู้ดีว่าใจที่นิ่งและมีสมาธิเป็นสิ่งสำคัญมาก จะทำเช่นนั้นได้ ต้องวางความผิดพลาดในอดีตลงเสีย และไม่นึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ไม่ว่าชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ แต่จดจ่ออยู่กับเกมที่กำลังเล่นหรือฟุตบอลที่วางอยู่ข้างหน้า กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ให้ใจอยู่กับปัจจุบัน ไม่เฉพาะการแข่งขันเท่านั้น การทำงานก็ต้องการใจที่นิ่งและมีสมาธิ จึงจะประสบความสำเร็จได้ แต่จะนิ่งอย่างนั้นได้ก็ต้องลืมความสำเร็จข้างหน้าไปก่อน และไม่ควรพะวงกับสายตาหรือความคาดหวังของคนรอบข้างรวมทั้งเจ้านาย หาไม่แล้วความกดดันจะเกิดขึ้นตามมา ทำให้เครียดและกังวล สุดท้ายก็อาจกลายเป็นนักฟุตบอลตีนบอด ไม่สามารถเอาความเก่งที่มีมากมายออกมาใช้ได้ ใช่หรือไม่ว่ายิ่งอยากได้ชัยชนะ กลับไม่ได้ ยิ่งกลัวความพ่ายแพ้ กลับพ่ายแพ้จนได้
|
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|
![]() |