![]() นิตยสาร IMAGE
พฤศจิกายน ๒๕๕๖
แบ่งปันบน facebook Share |
เวลาเรารู้สึกไม่ชอบอะไรสักอย่าง ปัญหาจริง ๆ อาจไม่ได้อยู่ที่สิ่งนั้น แต่เป็นความรู้สึกไม่ชอบของเราต่างหาก พูดอีกอย่างก็คือ สิ่งนั้นไม่ได้สร้างปัญหาหรือก่อความทุกข์ให้เรามากเท่ากับความรู้สึกไม่พอใจมัน หนุ่มสาวส่วนใหญ่ไม่ชอบสิวบนใบหน้าของตน ที่จริงสิวไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้แก่เขามากมายอะไร แค่ทำให้หน้าตาไม่หมดจดเท่านั้น แต่หลายคนถึงกับเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ในสหรัฐอเมริกา พบว่าร้อยละ ๑๐ ของคนเป็นสิวบอกว่า การเป็นสิวเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิต วัยรุ่นเป็นอันมากมีผลการเรียนตกต่ำเพราะทำใจไม่ได้ บางคนถึงกับฆ่าตัวตาย สิวนั้นไม่ทำให้ใครตายได้หรอก แต่ความรังเกียจชิงชังสิวต่างหาก ที่สามารถผลักดันให้ผู้คนปลิดชีวิตตัวเองได้ ความอ้วนก็เช่นกัน ที่จริงหญิงสาวเป็นอันมากเพียงแค่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (ซึ่งมักเอานางแบบหรือดาราเป็นต้นแบบ) มันไม่ถึงกับสร้างปัญหาสุขภาพแก่เธอเหล่านั้น แต่เป็นเพราะรังเกียจความอ้วน จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อลดความอ้วน หลายคนหันไปพึ่งยาอันตราย ซึ่งลงท้ายด้วยการเอาชีวิตเข้าแลก เมื่อเร็ว ๆ นี้ หญิงชาวอเมริกันผู้หนึ่ง ต้องการลดน้ำหนักของตน เธอทดลองมาหลายวิธีแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล สุดท้ายเธอจึงไปหาซื้อพยาธิตัวตืดมากลืนลงท้อง โทษของพยาธิตัวตืดนั้นมีมากมาย อาจทำให้ถึงตายได้ อันตรายของมันนั้นมากกว่าการมีน้ำหนักเกินเสียอีก คนธรรมดาสามัญย่อมไม่อยากทำร้ายตัวเองขนาดนั้น แต่อะไรทำให้เธอตัดสินทำเช่นนั้น หากไม่ใช่ความรู้สึกรังเกียจชิงชัง “ความอ้วน”ของเธอ ที่น่าประหลาดใจก็คือ ไม่ใช่เธอคนเดียวที่ทำเช่นนั้น ในฮ่องกงมีคนนับพันที่ยอมกลืนพยาธิเพื่อลดความอ้วน เวลาประสบปัญหา บ่อยครั้งวิธีแก้ปัญหาที่ผู้คนเลือกใช้นั้น กลับเลวร้ายย่ำแย่กว่าตัวปัญหาเสียอีก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คำตอบก็คือ ความรู้สึกชิงชังรังเกียจที่มีต่อปัญหานั้น ๆ เมื่อเกลียดมาก ๆ ก็ลืมตัว จนพร้อมจะทำอะไรก็ได้เพื่อทำให้ปัญหานั้นหมดไป โดยไม่สนใจว่าจะเกิดผลร้ายตามมา ซึ่งหนักหนาสาหัสกว่าปัญหานั้นเสียอีก บางคนเกลียดหนูในบ้านมาก ไล่อย่างไร มันก็ไม่ยอมไป แถมทำลายข้าวของหนักขึ้น ทำให้เขารังเกียจชิงชังมันยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายก็ถึงกับใช้ไฟสุมเผารังของมัน แต่ปรากฏว่าไฟลุกลามจนไหม้บ้านเขาทั้งหลัง แม้หนูจะเป็นตัวสร้างปัญหา แต่มันไม่สามารถทำลายบ้านของเขาได้เลย การใช้ไฟไล่หนูต่างหากที่ทำให้เขาสูญเสียบ้านทั้งหลัง และทั้งหมดเกิดขึ้นได้ก็เพราะ ความรังเกียจชิงชังหนูนั่นเอง ความรังเกียจชิงชังมักทำให้เราเผลอทำสิ่งที่เกินเลย (over-react) จนได้ไม่คุ้มเสีย ดังนั้นก่อนที่จะจัดการกับปัญหาใด ๆ ควรหันมาสำรวจตนเองเสียก่อนว่า เรามีความรังเกียจชิงชังมากไปหรือเปล่า มองให้ดีอาจพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราไม่ได้สร้างความทุกข์ให้แก่เรามากเท่ากับความรู้สึกลบต่อสิ่งนั้น บ่อยครั้งเพียงแค่เราลดความรู้สึกดังกล่าวลง สิ่งนั้นก็ไม่กลายเป็นปัญหาอีกต่อไป เสียงดังอาจไม่ใช่ปัญหามากเท่ากับความไม่ชอบเสียงนั้น ยิ่งเราไม่ชอบมัน ก็ยิ่งรำคาญเสียงนั้นมากขึ้น แต่พอวางใจเป็นกลาง ๆ เสียงนั้นก็ไม่รบกวนเราอีกต่อไป ในทำนองเดียวกัน คนบางคนไม่ได้ก่อความทุกข์ให้เรามากเท่ากับความรังเกียจชิงชังเขา หากเกลียดเขาน้อยลง เราก็จะทนพฤติกรรมของเขาได้มากขึ้น และอาจพบว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไร ปัญหาจึงอาจไม่ได้อยู่ที่คนอื่นหรือสิ่งอื่น แต่อยู่ที่ความรู้สึกในใจของเราต่างหาก
|
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|
![]() |