เก๋ไม่ได้กำลังเดินป่าหรือท่องต่างแดน แต่เธอเป็นหนึ่งในคณะ
เดินเพื่อสันติปัตตานี ซึ่งตั้งใจเดินเท้าไปให้ถึงปัตตานี ระยะทางร่วม
๑,๑๐๐ กม. โดยเริ่มต้นที่ศาลายา ทุกคนปรารถนาเป็นสื่อกลางนำกำลังใจจากประชาชนสองข้างทางไปมอบให้แก่พี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ขณะเดียวกันก็หวังว่า การเดินทางไกลครั้งนี้จะกระตุ้นให้คนไทยในส่วนอื่นของประเทศตระหนักถึงความทุกข์ยากของพี่น้องในดินแดนใต้สุด
เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทางเกือบทั้งหมด เก๋ไม่เคยเดินเท้าระยะทางไกล
ๆ อย่างนี้มาก่อน จะว่าไปแล้วแค่เดินวันละ ๗-๘ กม. เธอก็ไม่เคยทำด้วยซ้ำ
ดังนั้นเมื่อต้องเดินมากกว่า ๒๐ กม.ในวันแรก ร่างกายของเธอก็ประท้วงทันที
แต่ใจของเธอไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แม้จะรู้สึกหวั่นไหวบ้างก็ตาม
เพื่อนร่วมทางที่มีประสบการณ์เดินทางไกลอยู่บ้าง
ให้กำลังใจกับเธอ(และตนเอง)ว่า ร่างกายนั้นใช้เวลาปรับตัวไม่นาน เดินอีกสัก
๒-๓ วัน กำลังก็จะเริ่มอยู่ตัว ส่วนเท้าก็จะมีอาการดีขึ้นหากเปลี่ยนรองเท้าและหมั่นดูแลแผลให้สมาน
ที่สำคัญกว่าคือ ใจ ถ้าใจสู้ก็จะเดินได้จนถึงเป้าหมาย
เก๋ไม่คาดหวังจะเดินให้ถึงปัตตานีอยู่แล้ว เพราะเธอรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้
จึงหวังเพียงแค่เดินให้ครบ ๗ วันเท่านั้น เพียงแค่นั้นเธอก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่
แต่จะลองทำสุดความสามารถ
แต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดก็ครบ ๗ วัน
เก๋ดีใจที่ทำได้ เธอพบว่าร่างกายและดินฟ้าอากาศเป็นปัญหาน้อยลง เธอจึงตัดสินใจเดินต่อ
กำลังใจจากประชาชนตามรายทางและความผูกพันระหว่างเพื่อนร่วมเดิน ทำให้เธอเกิดความมุ่งมั่นที่จะเดินให้ไกลที่สุด
ผ่านไปอาทิตย์แล้วอาทิตย์เล่า เก๋ยังคงเดินต่อไป
มีคนถามถึงอาการปวดเท้าซึ่งติดตามเธอตลอดทาง เก๋ตอบว่า ตอนนี้ไม่รู้สึกเป็นศัตรูกับความเจ็บปวดแล้ว
แต่รู้สึกเป็นมิตรกับความเจ็บปวดมากกว่า เก๋อยู่กับความเจ็บปวดโดยไม่บ่นหรือหงุดหงิดอีกต่อไป
หลังจากเดินเท้าติดต่อกัน ๕๓ วัน ในที่สุดเก๋และเพื่อนก็ถึงปัตตานี
วันสุดท้ายของการเดินทางมีผู้คนมาให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม มีผู้คนนับพันมาร่วมเดินจนถึงจุดหมายปลายทางคือมัสยิดกลาง
ช่างผิดกับหลายช่วงก่อนหน้านั้นที่เธอและเพื่อน ๆ ต้องเดินอย่างลำพัง
ต้องสู้กับฝนและความร้อนหนาว สู้กับความหิวและความเจ็บปวด และบางครั้งก็ต้องสู้กับความรู้สึกท้อแท้และลังเลสงสัยว่ามาทำอะไรกัน
เช่นเดียวกับเก๋ หลายคนในคณะนี้ไม่ตั้งใจมาก่อนว่าจะเดินให้ถึงปัตตานี
เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่จะทำได้ แต่แล้วในที่สุดทุกคนก็ทำได้
จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะเดินตลอดทางเพียง ๓ คน ได้เพิ่มเป็น ๘ คน ไม่รวมอีกนับสิบที่มาสมทบภายหลัง
เส้นทางสู่ปัตตานีนั้นยาวไกล ต้องย่างถึง ๒ ล้านก้าวกว่าจะถึง
แต่เส้นทางสู่สันติภาพของปัตตานีนั้นยาวไกลยิ่งกว่า แต่สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่คณะเดินเพื่อสันติปัตตานีบอกแก่เราก็คือ
สิ่งที่ยากนั้นใช่ว่าจะทำไม่ได้ หากมีความมุ่งมั่น กล้าทำ และมีกัลยาณมิตรร่วมทาง
สิ่งยากย่อมเป็นจริงได้เสมอ เขายังบอกเราอีกว่าคนเล็กคนน้อยนั้นสามารถทำอะไรได้อีกมากมาย
ขอเพียงอย่าจำนนต่อปัญหา
การเดินเท้าครั้งนี้อาจจะยังเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้มาก
แต่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว นั่นคือการเปลี่ยนแปลงภายในของผู้ร่วมเดิน
หลายคนในวันนี้มิใช่คนเดียวกับที่ย่างเท้าจากศาลายาเมื่อ ๕๓ วันก่อน
แต่เป็นคนใหม่ เพราะพวกเขาได้ก้าวข้ามขีดจำกัดดั้งเดิมของตนเองไปเรียบร้อยแล้ว
ขีดจำกัดที่เคยทำให้พวกเขาไม่มั่นใจในตนเอง ไม่กล้าทำสิ่งยาก ขีดจำกัดเหล่านั้นได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว
แม้จะยังมีขีดจำกัดอีกมากมายรออยู่ข้างหน้า แต่ก็ไม่พ้นวิสัยที่พวกเขาจะก้าวข้ามได้ในอนาคต
เพราะพวกเขาค้นพบว่าตนเองมีความสามารถมากกว่าที่คิด
๑,๑๐๐ กม.แม้เป็นระยะทางที่ยาวไกล แต่ก็ไม่ไกลสำหรับการค้นพบศักยภาพของตนเอง
ใช่หรือไม่ว่าคนเป็นอันมากแม้จะเดินทางรอบโลก แต่กลับไม่พบตัวเองเลย