ไม่ว่าจะเป็นเม็ดสิวบนใบหน้า รอยตกกระตามแขน ทรวดทรงที่ล้นเกิน
เพื่อนจอมนินทา เจ้านายอารมณ์ร้าย หรือคนทรยศที่เคยอยู่ใกล้ตัว ฯลฯ
ยิ่งอยากกำจัดหรือผลักไสออกไปจากความรับรู้ มันยิ่งผุดโผล่เข้ามาในความคิดของคุณไม่เลิกรา
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
นั่นเป็นเพราะคุณอยากกำจัดมันออกไปจากใจนั่นเอง
จะว่าไปมันก็เหมือนตุ๊กตาล้มลุก คุณผลักมันแรงเท่าไร
มันก็เด้งกลับมาหาคุณเร็วเท่านั้น
อธิบายอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความโกรธเกลียด ความไม่ชอบ
ความอยากกำจัดมันนั้น จัดว่าเป็นความยึดติดอีกแบบหนึ่ง ทันทีที่อยากผลักไสมันออกไป
ใจของคุณก็แนบชิดสนิทกับมันทันที ทำนองเดียวกับเวลาคุณออกแรงเข็นรถคันใหญ่ที่ขวางหน้าบ้าน
ยิ่งอยากผลักให้มันเคลื่อนห่างออกไป ตัวคุณก็ยิ่งเข้ามาแนบชิดกับรถคันนั้น
ยิ่งอยากกำจัดอะไรสักอย่าง คุณยิ่งพะวงถึงมัน ไม่ยอมปล่อยวางง่าย
ๆ
เคยมีการทดลองให้อาสาสมัครกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่คนเดียวในห้อง
โดยมีคำสั่งสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่าจะคิดนึกอะไรก็ได้ ยกเว้นอย่างเดียวคือ
ห้ามคิดถึงหมีขั้วโลก ถ้าคิดถึงหมีขั้วโลกเมื่อใดให้กดกริ่งทันที ปรากฏว่า
พอให้คำสั่งเสร็จได้สักพัก ก็มีเสียงกริ่งดังระงมตามมาอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งไม่อยากคิดถึงสิ่งใด ใจกลับหมกมุ่นถึงสิ่งนั้น
นี้คือธรรมชาติอย่างหนึ่งของจิตเรา
มีการทดลองโดยอีกคณะหนึ่ง คราวนี้นักวิจัยขอให้อาสาสมัครทุกคนพูดถึงความคิดที่แย่ที่สุดเกี่ยวกับตัวเอง
โดยเลือกมาแค่เรื่องเดียว จากนั้นก็แบ่งอาสาสมัครเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับคำสั่งให้พยายามกดข่มความคิดดังกล่าวตลอด
๑๑ วันข้างหน้า อีกกลุ่มใช้ชีวิตตามปกติ
ทุกคืนทุกคนจะมานั่งทบทวนว่าวันนั้นได้นึกถึงเรื่องนั้นมากน้อยเพียงใด
พร้อมทั้งประเมินตัวเองด้วยว่า อารมณ์ความรู้สึกในวันนั้นเป็นอย่างไร
มีความกังวลหรือไม่ และรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับตนเอง
ผลสรุปของการทดลองดังกล่าวคล้ายกับการทดลองเรื่องหมีขั้วโลก
กล่าวคือ กลุ่มที่พยายามกดข่มความคิดด้านลบเกี่ยวกับตัวเอง จะมีความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาในใจมากกว่าอีกกลุ่ม
นอกจากนั้นยังรู้สึกกังวล เศร้าซึม และรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับตนเองมากกว่าอีกด้วย
มีการทดลองทำนองนี้อีกหลายครั้ง ล้วนให้ผลตรงกัน
เช่น หากขอให้คนที่กำลังควบคุมอาหารพยายามอย่านึกถึงช็อกโกแลต ปรากฏว่าเขากลับกินช็อกโกแลตมากขึ้น
กลายเป็นว่ายิ่งอยากลดความอ้วน กลับอ้วนขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าเราไม่มีทางหลุดพ้นจากความรู้สึกนึกคิดที่แย่
ๆ เลยใช่ไหม ชาตินี้ทั้งชาติเราจะต้องถูกมันหลอกหลอนเล่นงานไปจนตลอดกระนั้นหรือ
โลกนี้มิได้โหดร้ายถึงขนาดนั้น เราสามารถเป็นอิสระจากความรู้สึกนึกคิดที่แย่
ๆ ได้ แต่ต้องเริ่มต้นจากความรู้สึกที่ไม่อยากผลักไสหรือรังเกียจมัน
เมื่อใดตามที่มันผุดขึ้นมาในใจ ก็เพียงแต่รับรู้มันเฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไรกับมัน
พอรู้แล้วก็ไม่ต้องสนใจมัน นึกในใจว่ามันจะอยู่ก็อยู่ไป ฉันไม่สนใจ
ฉันจะทำงานของฉันไป
ทีแรกมันจะพยายามดึงความสนใจจากเรา พยายามยั่วให้เราเข้าไปไล่หรือผลักไสมัน
แต่ขืนเราทำเช่นนั้น มันยิ่งได้ใจ เหมือนเด็กที่คอยเรียกร้องความสนใจไม่จบสิ้น
แต่ถ้าเราไม่สนใจมันเลย มันพยายามยั่วยุก่อกวนเท่าไร เราก็เฉย ไม่นานมันก็จะยอมแพ้และล่าถอยไปเอง
มีสุนัขจำพวกหนึ่ง เวลาถูกปล่อยทิ้งให้อยู่ตัวเดียวในบ้าน
มันจะรื้อข้าวของและกัดโซฟาฉีกขาด แถมอึบนพรมเสียด้วย แม้เจ้าของจะตีหรือเตะมันเท่าไร
มันก็ไม่เลิกนิสัย ผู้รู้บอกว่าสุนัขทำเช่นนั้นก็เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ
ยิ่งเจ้าของไปดุด่าหรือลงโทษมัน มันยิ่งได้ใจ เพราะแสดงว่ามันเรียกร้องความสนใจได้ผล
มันจึงทำไม่เลิก วิธีที่ดีที่สุดก็คือเฉยเมยไม่สนใจมัน เหมือนว่าไม่มีมันอยู่ในโลกนี้
เท่านี้มันก็รู้แล้วว่าสิ่งที่มันทำนั้นไร้ประโยชน์ ต่อไปมันจะไม่ทำอย่างนั้นอีก
ความรู้สึกนึกคิดที่แย่ ๆ ก็ไม่ต่างจากสุนัขดังกล่าว
เพียงแต่เราเฉยเมย ไม่สนใจมัน ไม่ดุด่าหรือผลักไสมัน ไม่นานมันก็จะหายพยศหายเกเรไปเอง
ในที่สุดก็จะปล่อยให้เราอยู่อย่างสงบสุขสบายใจ