นิตยสาร
IMAGE มิถุนายน ๒๕๕๒ ภาวัน |
|
เย็นนั้น นารีนั่งรถเมล์กลับบ้านตามปกติ
จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงด่ากันท้ายรถ เธอเหลียวไปดู เห็นคนเมาตะโกนด่าวัยรุ่น วัยรุ่นโมโหจึงลุกขึ้นชกคนเมาไม่ยั้ง
ฝ่ายหลังได้แต่ร้องและจับคอเสื้อวัยรุ่นไว้ไม่ยอมปล่อย ผู้โดยสารส่วนใหญ่พากันตื่นตกใจ
ถอยไปออกันอยู่หน้าและหลังรถ เปิดที่ว่างให้วัยรุ่นชกต่อยคนเมาได้สบายมือ ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งด้วย
บางคนรีบลงรถทันทีที่รถจอด
นารีเห็นเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิด ระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าควรจะทำอะไร ก็ได้ยินเพื่อนสาวของวัยรุ่นคนนั้นตะโกนบอกเขาว่า มึงรอกูก่อน เดี๋ยวกูไปตามพวกมา ว่าแล้วก็วิ่งลงรถไป เธอรู้ได้ทันทีว่าเหตุร้ายกำลังจะบานปลาย ถ้าเธออยู่เฉยต่อไป คนเมาคนนั้นต้องถูกรุมทำร้ายหนักกว่านี้แน่ เธอจึงเดินเข้าไปหาวัยรุ่นคนนั้น แต่แทนที่จะห้าม เธอเอามือตบก้นเขาขณะที่กำลังต่อยคนเมา แล้วพูดว่า พอแล้ว ๆ เดี๋ยวตำรวจมา จะยุ่ง วัยรุ่นหยุดชกทันที แล้วผละจากคนเมา ขณะที่เขากำลังจะหยิบถุงย่าม เพื่อนสาวของเขาก็มาถึงพลางตะโกนว่า มาแล้ว คงมีหลายคนตามมาด้วย นารีจึงตะโกนบอกวัยรุ่นคนนั้นว่า ไปได้แล้ว เดี๋ยวจะยุ่งกันใหญ่ พอเขาลงจากรถ เธอก็ตะโกนบอกคนขับรถเมล์ว่า ออกรถ เขาได้สติก็รีบออกรถทันที เรื่องร้ายจึงสงบลงได้ เมื่อเห็นวัยรุ่นชกต่อยกัน เรามีทางเลือกอยู่แค่สองทาง คือ นิ่งเฉย (รวมทั้งถอยหนี) หรือไม่ก็เข้าไประงับเหตุ คนส่วนใหญ่เลือกทางแรกเพราะปลอดภัยดี แต่ถ้าหากอีกฝ่ายป้องกันตัวเองไม่ได้เลย ถูกทำร้ายฝ่ายเดียว ดังคนเมาในกรณีข้างต้น หรือเมียถูกผัวทุบตี หรือผู้หญิงถูกวัยรุ่นรุมทำร้าย เราคงทำใจได้ยากหากจะนิ่งดูดาย เพราะนั่นอาจทำให้เรากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปโดยปริยาย แต่ถ้าตัดสินใจจะเข้าไประงับเหตุ เราควรทำอย่างไร หลายคนนึกถึงการเข้าไปห้ามหรือขวางฝ่ายหนึ่งเอาไว้ แต่นารีเลือกที่จะเข้าไปเตือนฝ่ายที่แข็งแรงกว่าด้วยท่าทีที่เป็นมิตร พอแล้ว ๆ เดี๋ยวตำรวจมา จะยุ่ง เป็นคำพูดที่คำนึงถึงประโยชน์ของวัยรุ่นคนนั้นเป็นสำคัญ คำพูดเช่นนี้ทำให้วัยรุ่นหันมาฟังเธอและหยุดชกต่อยทันทีเพราะได้สติขึ้นมา ในทางตรงข้ามหากเธอเข้าไปห้ามหรือขวางวัยรุ่นคนนั้นเอาไว้ เขาคงมองเห็นเธอเป็นคนละฝ่ายกับเขา แทนที่จะฟังเธอ อาจโกรธเกลียดเธอ นอกจากไม่หยุดทำร้ายคนเมาแล้วยังอาจทำร้ายเธอได้ มองในแง่ของความถูก-ผิด เราควรอยู่ข้างผู้ถูกรังแกมิใช่หรือ การแสดงตัวเป็นฝ่ายเดียวกับผู้ก่อเหตุหรือผู้ที่แข็งแรงกว่า จะเป็นความถูกต้องได้อย่างไร แต่ถ้ามองให้ลึก สิ่งที่นารีทำนั้นมิใช่อะไรอื่น หากเป็นการดึงเอาด้านดีของวัยรุ่นคนนั้นขึ้นมา ใช่หรือไม่ว่าทุกคนย่อมมีทั้งด้านดีและด้านลบอยู่ในตัว ด้านลบนั้นได้แก่ความเห็นแก่ตัว ความโกรธเกลียด เมื่อใดที่ด้านลบครอบงำใจ เราก็พร้อมจะเอาเปรียบ เห็นแก่ได้ หรือก่อความรุนแรงทั้งทางความคิด วาจา และการกระทำ ในยามนั้นด้านดีย่อมถูกกดข่มจนอ่อนแรง แต่เมื่อใดก็ตามที่ด้านดีได้รับการกระตุ้น ก็จะมีพลังจนอาจเอาชนะด้านลบได้ เมื่อใครมีท่าทีเป็นมิตรกับเรา เราก็พร้อมจะเปิดใจรับฟังคนนั้น หากคนนั้นแนะนำตักเตือนเราในทางที่ดี คำพูดของเขาย่อมสามารถกระตุ้นด้านดีในใจเราให้ตื่นตัวและมีพลังได้ ในกรณีของนารี สิ่งที่เธอทำก็คือกระตุ้นสติของวัยรุ่นให้ตื่นขึ้นมา เมื่อเขาได้สติ เขาย่อมรู้ดีว่าเขาควรยุติการชกต่อยคนเมาได้แล้ว เมื่อเห็นใครบางคนทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หากเราต้องการให้เขายุติการกระทำดังกล่าว การตำหนิ ดุด่าว่ากล่าว มักกระตุ้นด้านลบในใจของเขาขึ้นมา รวมทั้ง ทิฐิมานะ และความโกรธเกลียด นอกจากเขาจะโต้เถียงเพื่อยืนยันความถูกต้องของตนแล้ว เขายังไม่ยอมหยุดกระทำเพราะกลัวว่าจะได้ชื่อเป็นผู้แพ้ อีกทั้งยังรู้สึกเป็นปฏิปักษ์กับผู้ตำหนิด้วย อาจจะดีกว่าหากเราพยายามกระตุ้นด้านดีของเขาขึ้นมา จนสามารถเอาชนะด้านลบได้ แต่เราจะกระตุ้นด้านดีของเขาได้อย่างไรหากเขาไม่เปิดใจรับฟังเรา และเขาจะเปิดใจรับฟังเราได้อย่างไร หากเราไม่เป็นมิตรกับเขา เย็นวันหนึ่ง ทหารยศนายพลรีบขับรถมารับลูก เมื่อถึงโรงเรียนเขาขับรถสวนทางวันเวย์จนแย่งที่จอดรถได้สำเร็จ ผู้ปกครองคนหนึ่งซึ่งถูกแซงต่อหน้าต่อตา ไม่พอใจมากจึงลงจากรถเข้าไปทักท้วง นายพลจึงถามว่า รู้ไหมว่าอั๊วเป็นใคร อีกฝ่ายตอบว่า ผมไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร แต่คุณทำผิดกฎจราจร โต้เถียงสักพัก นายพลก็เดินจากไป อีกฝ่ายจึงกลับไปที่รถ แล้วคว้าปืนออกมา หมายจะยิงนายพลผู้นั้น พนักงานขับรถคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์มาตลอด จึงตรงไปจับมือผู้ปกครองอารมณ์ร้อน และพูดว่า คุณมารับลูกไม่ใช่หรือครับ ? ปรากฏว่าเขาได้สติทันที จึงเก็บปืนแล้วเดินไปหาลูกที่กำลังรออยู่ น่าสงสัยว่าหากพนักงานพูดห้ามเขาตรง ๆ เขาจะได้สติอย่างรวดเร็วทันการหรือไม่ |
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|