คำถามที่ ๑ ขอกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า บวชเนขขัมมะ บวชชี ส่งบุญให้ผู้มีพระคุณ กัลยาณมิตร ให้พ้นจากโรคร้ายให้หายโดยเร็ววัน ให้กำหนดจิตว่าอย่างไรค่ะ ขอกราบนมัสการ และขอขอขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
ตอบ คุณเพียงแต่นึกถึงบุคคลผู้นั้น แล้วตั้งจิตว่า ขออุทิศบุญกุศลจากการบวชเนกขัมมะหรือบวชชี ให้แก่ผู้นั้น ขอให้หายจากความเจ็บป่วยโดยเร็ววัน มีความสุขกายสุขใจ เป็นต้น จะอุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของท่านผู้นั้นด้วยก็ได้ เพราะความเจ็บป่วยของผู้นั้นอาจเป็นผลจากกรรมในอดีต (แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า เหตุแห่งโรคนั้นมีมากมาย ผลกรรมในอดีตเป็นเพียงสาเหตุหนึ่งเท่านั้น)
คำถามที่ ๒ กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ โยมมีความสงสัยเรื่องการกรวดน้ำค่ะ หากไม่กรวดน้ำแต่ใช้วิธีตั้งจิตอธิษฐานแทน บุญนั้นจะส่งถึงญาติหรือผู้ที่ล่วงลับหรือไม่คะ และจำเป็นหรือไม่ที่ต้องแตะตัวต่อๆ กัน กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ
ตอบ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจประเสริฐสุด สำเร็จแล้วที่ใจ” ความข้อนี้รวมถึงการทำบุญด้วย สิ่งสำคัญคือการตั้งจิตอุทิศบุญกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ ส่วนกิริยาการกรวดน้ำเป็นเพียงแค่รูปแบบหรือพิธีการ ซึ่งช่วยน้อมใจให้สงบเป็นสมาธิ ใจที่สงบและเป็นสมาธิย่อมช่วยให้กระแสแห่งบุญนั้นมีพลัง แต่ถ้าไม่มีน้ำจะกรวด เพียงแค่นึกในใจด้วยความสำรวมก็พอแล้ว จะแตะตัวต่อ ๆ กันหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
คำถามที่ ๓ โยมเป็นคนที่หงุดหงิดง่ายมาก และรู้สึกทุกครั้งเวลาโกรธว่าใจร้อนรุ่ม เหมือนมีไฟสุมใจจริงๆ โยมควรปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้หงุดหงิดน้อยลง และหรือจะมีอุบายใดไหมเจ้าคะที่จะทำให้เป็นคนใจเย็น และไม่มักโกรธค่ะ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ
ตอบ เมื่อใดที่คุณรู้ตัวว่ากำลังโกรธ จิตใจร้อนรุ่ม ให้น้อมจิตมาที่ลมหายใจทันที หายใจเข้าลึก ๆ แล้วหายใจออกยาว ๆ หายใจออกทีแรกก็นับ ๑ ครั้งต่อไปก็นับ ๒ และ ๓ จนครบ ๑๐ แล้วเริ่มต้นนับ ๑ ใหม่ ระหว่างที่รับรู้ลมหายใจ ก็อย่าเพิ่งคิดอะไร โดยเฉพาะคนหรือเรื่องที่ทำให้คุณโกรธ วิธีนี้จะช่วยให้ความโกรธลดลง สมาธิที่เกิดจากการจดจ่ออยู่กับลมหายใจ เป็นเสมือนน้ำที่ช่วยดับไฟสุมใจของคุณได้ ใหม่ ๆ จะรู้สึกว่าทำได้ยาก แต่ถ้าทำบ่อย ๆ จะทำได้ง่ายและเร็วขึ้น
การมีสติรับรู้กายเวลามีความโกรธเกิดขึ้นก็ช่วยได้ เช่น รับรู้ลมหายใจที่ถี่และตื้น ใบหน้าที่ถมึงทึง หน้านิ้วคิ้วขมวด กล้ามเนื้อที่เกร็งตัว จากนั้นก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายร่างกายทีละส่วน กลับมาหายใจตามปกติ (หรือหายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ สัก ๔-๕ ครั้งก่อนจะกลับมาหายใจตามธรรมดา) ลองยิ้มให้กับตัวเองบ้าง (แม้ทีแรกจะรู้สึกฝืนก็ตาม) การระลึกรู้กายที่เครียด และผ่อนคลายกาย จะช่วยให้ใจผ่อนคลายลง ผลที่ตามมาคือความโกรธก็จะบรรเทาลง
อันที่จริงสาเหตุที่คุณหงุดหงิดง่าย เป็นเพราะความยึดติดถือมั่น อยากให้ทุกอย่างเป็นดั่งใจ พอมันไม่เป็นอย่างที่คาดคิด จึงเกิดความโกรธ หากไม่อยากให้ความโกรธเผาลนใจ ควรฝึกใจให้รู้จักปล่อยวางบ้าง ยอมรับสิ่งที่ไม่ถูกใจหรือไม่เป็นดั่งใจ อย่าเอาเป็นเอาตายกับทุกเรื่อง อะไรที่ผิดพลาด ไม่ถูกใจ ก็ช่างมันบ้าง เอาเวลามาแก้ไขให้ถูกต้องดีกว่า
พึงระลึกเสมอว่า เวลาของคุณในโลกนี้เหลือน้อยลงทุกที แต่ละนาทีมีค่าอย่างมาก จึงควรใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการทำใจให้มีความสุข อย่ามัวปล่อยเวลาให้หมดไปกับความโกรธหรือความหงุดหงิดรำคาญใจเลย |