สุขใจในนาคร พฤษภาคม
๒๕๕๑ สุขใจเมื่อได้ทำความดี พระไพศาล วิสาโล |
|
น้องโยเป็นเด็กชายวัย
๗ ขวบ วันหนึ่งป้าชวนน้องโยซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เข้าไปในเมือง แต่ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุ
มีรถเข้ามาพุ่งชน ปรากฏว่าป้าแขนหัก ส่วนน้องโยขาเละไปข้างหนึ่ง ทั้งสองถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนครปฐมอย่างเร่งด่วน
ตลอดทางน้องโยไม่ส่งเสียงร้องแม้แต่น้อย เมื่อมาถึงห้องผ่าตัด หมอสังเกตว่าน้องโยเงียบสนิทขณะที่ป้าร้องโอดโอยอยู่ใกล้
ๆ หลังจาก ผ่าตัดเสร็จ หมอจึงถามน้องโยว่า ทำไมไม่ร้องเลย น้องโยตอบสั้น ๆ
ว่า ผมกลัวป้า เสียใจครับ
น้องโยเป็นห่วงป้าจนลืมความเจ็บปวดของตนไปเลย ในทางตรงข้ามหากใครก็ตามคิดถึงแต่ตัวเอง เพียงแค่อากาศร้อนก็ทำให้หงุดหงิดไปได้ทั้งวัน ใช่หรือไม่ว่าการคิดถึงแต่ตนเอง ทำให้จิตใจคับแคบ อัตตาหรือตัวตนใหญ่ขึ้น ทำให้ถูกกระทบหรือเป็นทุกข์ได้ง่าย ขณะเดียวกันก็เป็นคนสุขยากเพราะได้เท่าไรก็ไม่พอใจเสียที การคิดถึงผู้อื่นช่วยให้ตัวตนเล็กลง เห็นความทุกข์ของตนเองเป็นเรื่องเล็กน้อย ยิ่งช่วยผู้อื่นมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสุขเพราะได้เห็นผู้อื่นมีความสุขด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งความสุขของเราย่อมไม่แยกจากความสุขของผู้อื่น การคิดถึงผู้อื่นนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเรามีคุณธรรมข้อนี้อยู่ในจิตใจอยู่แล้วตั้งแต่เกิด แต่ที่เรามีพฤติกรรมเห็นแก่ตัว ก็เพราะคุณธรรมภายในไม่ได้รับการส่งเสริม ในขณะที่ความเห็นแก่ตัวถูกกระตุ้นไม่หยุดหย่อน การหาโอกาสช่วยเหลือผู้อื่นหรือบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม จะช่วยเสริมสร้างพลังให้แก่คุณธรรมภายใน จนสามารถเอาชนะความเห็นแก่ตัวได้ พลังดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากความภูมิใจที่ได้ทำความดี เกิดความรู้สึกว่าชีวิตตนนั้นมีคุณค่า พลังอีกส่วนหนึ่งเกิดจากความสุขที่ได้เห็นผู้ที่ทุกข์ยากกลับมามีความสุข รอยยิ้มของเขาทำให้เราอดยิ้มตามด้วยไม่ได้ หลายคนพบว่าความสุขดังกล่าวซาบซึ้งตรึงใจชนิดที่ความสุขทางวัตถุมิอาจเทียบได้ ทั้งความภาคภูมิใจและความสุขดังกล่าวทำให้เราอยากทำความดีมากขึ้น การทำความดีหรือบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ยังช่วยให้เราได้เห็นว่ายังมีผู้อื่นที่ทุกข์ยากลำบากกว่าตนมาก ในด้านหนึ่งความทุกข์ของเขาเหล่านั้นทำให้ความทุกข์ของเรากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปถนัดใจ หรืออาจทำให้ได้คิดว่าเรายังโชคดีกว่าคนอื่นอีกมาก ขณะเดียวกันการเห็นคนทุกข์อยู่ต่อหน้า สามารถปลุกเร้าคุณธรรมภายในใจเราให้แสดงตัวออกมา มิอาจทนนิ่งเฉยได้ต่อไป หลายคนได้พบว่าตนยังมีคุณงามความดีอยู่ในตัว มิใช่เป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างที่เข้าใจ การทำความดีหรือบำเพ็ญสาธารณประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิด จิตอาสา คือจิตที่อยากทำความดีเพื่อผู้อื่นอยู่เสมอ เป็นจิตที่มีอัตตาเล็กลง จึงเปิดรับความสุขได้มาก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นจิตที่มีความสุขได้ง่าย โดยไม่จำต้องพึ่งวัตถุสิ่งเสพ กนกวรรณ ศิลป์สุข กับน้องสาว
เป็นโรคเลือดร้ายแรงคือ ธาลัสซีเมียตั้งแต่เกิด ทุกวันนี้เธอกับน้องสาวสละเวลาไปช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่าเธอ รวมทั้งเขียนหนังสือและจัดรายการวิทยุเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่คนทุกข์ ซึ่งส่วนใหญ่มีสุขภาพดีกว่าเธอด้วยซ้ำ เธอบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก เพราะ การที่มีความสุขมาก ๆ อาจทำให้เราหลงลืม แต่ความทุกข์ทำให้เราได้หันกลับมามองความจริงของชีวิตมากขึ้น การทำความดีหรือบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ในช่วงแรก ๆ ย่อมเป็นไปได้ยากหากต้องทำคนเดียว เพราะความรักสบายหรือความเห็นแก่ตัวมักชักนำให้คลายความเพียร แต่หากร่วมกันทำงานกันเป็นกลุ่ม ก็จะเกิดกำลังใจ หรือเกิดแรงผลักดันให้ต้องลงมือทำพร้อมกับเพื่อน ๆ หาไม่ก็จะกลายเป็นแปลกแยกหรือโดดเดี่ยวจากเพื่อน ที่สำคัญกว่านั้นคือการทำงานเป็นกลุ่มมักก่อให้เกิดบรรยากาศสนุกสนานและไมตรีจิตมิตรภาพ ที่ชักชวนให้อยากทำไปด้วยกัน แม้จะเป็นงานที่เหนื่อยยาก แต่กลับให้ความสุขทางใจแก่ผู้กระทำ การร่วมกันทำงานเป็นกลุ่มยังช่วยให้สามารถทำงานที่ยากลำบากให้สำเร็จได้ หลายคนได้พบว่าการทำงานเป็นกลุ่มช่วยให้ตนเกิดความมั่นใจในตนเอง เพราะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคจนลุล่วงไปได้ แน่นอนว่าหากทำคนเดียวก็คงยากที่จะเคี่ยวเข็ญตนเองให้ผ่านพ้นความยากลำบากไปได้ การทำงานร่วมกันจึงนอกจากเป็นการประสานพลังให้แก่กลุ่มแล้ว ยังเป็นการเพิ่มพูนพลังให้แก่สมาชิกในกลุ่มด้วย หญิง เป็นหนึ่งในบรรดาอาสามัครกว่า
๘๐ คนที่ไปปลูกป่าในภาคอีสาน เธอเล่าถึงความรู้สึกวันแรกที่ไปถึงว่า เศร้าและห่อเหี่ยวใจมากเมื่อมองเห็นต้นไม้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางไร่กว้างซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นป่าทึบ
เธอไม่เพียงสงสารไม้ต้นนั้นที่ยืนอยู่อย่างอ้างว้างเท่านั้น แต่ยังเศร้าเพราะรู้สึกว่าตัวเองไร้พลังไม่สามารถทำอะไรได้
เธอรู้สึกว่าตนเองเป็นแค่ หญ้าต้นเล็ก ๆ เท่านั้น แต่หลังจากที่ใช้เวลา
๒ วันปลูกป่ากับเพื่อน ๆ ความรู้สึกของเธอก็เปลี่ยนไป พลังแห่งการร่วมแรงร่วมใจกันได้ทำให้เธอสำนึกถึงพลังในตนเองขึ้นมา
เธอเล่าว่าตอนนี้เธอมิใช่ต้นหญ้า นอกจากการร่วมกันทำงานแล้ว การร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นจากการทำงานดังกล่าว ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะนอกจากจะทำให้ได้แง่คิดอันหลากหลายจากเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ตนเองแล้ว ยังช่วยให้แต่ละคนได้ทบทวนประสบการณ์ของตนเอง และสรุปเป็นข้อคิดและบทเรียนสำหรับตัวเอง ประสบการณ์ทั้งหลายนั้นไม่ว่าบวกหรือลบ ไม่ว่าภายนอก(เช่นเหตุการณ์ที่พานพบ) หรือภายใน (เช่นความรู้สึกนึกคิด)ล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าและเพิ่มพูนปัญญาได้ หากรู้จักมอง กล่าวได้ว่าไม่มีประสบการณ์ใดเลยที่ไร้ประโยชน์ ดังนั้นเมื่อมีประสบการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น จึงควรหาโอกาสทบทวน ไตร่ตรอง และพิจารณา เพื่อเกิดเป็นข้อคิด ความรู้ หรือบทเรียน การมีกระบวนการกลุ่มที่ดีจะช่วยให้การทบทวนไตร่ตรองและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เป็นไปได้อย่างลึกซึ้งและลื่นไหล ที่ช่วยเพิ่มพูนปัญญาให้แก่ทุกคน บ่อยครั้งปัญญาที่เกิดขึ้นอาจได้มากกว่าหรือมีคุณภาพดีกว่ากว่าปัญญาที่เกิดการฟังคำบรรยายหรือฟังเทศน์ด้วยซ้ำ เพราะเป็นปัญญาที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติและไตร่ตรองด้วยตนเอง จึงแจ่มแจ้งและประทับแน่นในจิตใจได้มากกว่า เมื่อทำความดีหรือบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ร่วมกันแล้ว การได้มานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตลอดจนความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้น นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้แก่กันและกันแล้ว ยังช่วยให้กระตุ้นให้เกิดความคิดความเห็นงอกเงยขึ้น บางคนอาจได้คิดขึ้นมาหลังจากได้ฟังประสบการณ์ของเพื่อน ๆ ว่า การทำงานสามารถให้ความสุขแก่เราได้ และหากวางใจได้ถูกต้อง ความสุขก็สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างทำงาน โดยไม่ต้องรอให้งานสำเร็จก่อน เป็นการเปิดมุมมองเกี่ยวกับความสุขให้กว้างขึ้น หลังจากไปเยี่ยมผู้ป่วยหนักในสถานพักฟื้นแห่งหนึ่ง อาสาสมัครกว่า ๒๐ คนได้มาตั้งวงคุยกัน ต่างผลัดกันเล่าประสบการณ์ของตน อาสาสมัครคนหนึ่งเล่าว่าได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ ๑๔ ขวบ ผมของเธอร่วงเกือบหมดหัวจากการฉายแสง เนื่องจากเป็นมะเร็งสมอง แต่สีหน้าของเธอแจ่มใส อีกทั้งยังพูดคุยอย่างร่าเริง จนอาสาสมัครรู้สึกแปลกใจ เมื่อพูดคุยกันได้สักพัก เธอก็บอกว่าเธอ โชคดีที่เป็นแค่มะเร็งสมอง ไม่ได้เป็นมะเร็งปากมดลูกเหมือนญาติคนหนึ่ง ซึ่งเจ็บปวดทรมานมาก เมื่ออาสาสมัครเล่าเรื่องนี้จบ คนอื่น ๆ ในวงรู้สึกประทับใจมาก มีคนหนึ่งเปิดเผยความในใจว่า ตอนนี้เธอกำลังมีความทุกข์อย่างมากเพราะปัญหาครอบครัว แต่เมื่อได้ฟังเรื่องของเด็กคนนี้แล้ว เธอรู้สึกเลยว่าความทุกข์ของตัวเองเล็กน้อยมาก จะว่าไปแล้วเธอยังโชคดีมากที่ยังไม่ได้เป็นมะเร็งสมองเหมือนเด็กคนนี้ ความสุขนั้นแยกไม่ออกจากความดี เช่นเดียวกับพืชที่ต้องพึ่งน้ำ
ยิ่งได้สิ่งแวดล้อมที่ดีคือกัลยาณมิตร ความสุขย่อมหาได้ไม่ยาก เพราะแท้ที่จริงแล้วความสุขมิได้อยู่ที่ไหน
หากเบ่งบานกลางใจเรานี้เอง |
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|