![]() |
เติมเต็มด้วยความรัก |
เด็กชายวัย ๙ ขวบป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว นอนซมที่บ้านเป็นเวลานานหลายเดือน เมื่อเข้าสู่ระยะท้าย อาการก็ทรุดหนัก สัญญาณชีพทุกชนิดลดต่ำลงถึงขั้นวิกฤต ความรู้สึกตัวเหลือน้อยมาก แต่เด็กน้อยไม่ยอมสิ้นลม หมอรู้สึกแปลกใจมาก สิ่งหนึ่งที่หมอสังเกตเห็นคือ ที่หัวเตียงและข้างฝามีภาพวาดของเด็กติดอยู่หลายภาพ ทุกภาพมีลักษณะคล้ายกันคือเป็นภาพพ่อ แม่ และลูกอยู่ด้วยกัน หมอเอะใจ จึงถามแม่เด็กว่า พ่อเด็กอยู่ไหน ก็ได้คำตอบว่า เลิกกันนานแล้ว หมอจึงแนะนำให้เธอติดต่อสามีให้มาเยี่ยมลูก ทีแรกเธอบ่ายเบี่ยง เพราะไม่อยากเห็นหน้าสามี แต่เมื่อหมอขอร้อง เธอจึงยอมทำตาม ทันทีที่รู้ว่าพ่อมาเยี่ยมอยู่ข้างเตียง เด็กน้อยลืมตาขึ้น แล้วจับมือพ่อมาวางไว้ที่หน้าอกของตน จากนั้นก็จับมือแม่มาวางไว้ใกล้ ๆ กัน ใบหน้าของเด็กมีรอยยิ้มน้อย ๆ อาการกระสับกระส่ายเลือนหายไป ไม่นานเด็กน้อยก็จากไปอย่างสงบ เด็กน้อยจากไปอย่างสงบเพราะในที่สุดก็ได้รับสิ่งที่ต้องการ นั่นคือความรักของพ่อ ในส่วนลึกของเขานั้นปรารถนาครอบครัวที่อบอุ่น จวบจนวาระสุดท้าย เด็กน้อยก็ยังโหยหาและพยายามไขว่คว้าสิ่งนั้น จึงต่อสู้ขัดขืนกับความตาย จนกระทั่งจิตใจได้รับการเติมเต็ม จึงพร้อมจากโลกนี้ไป เราทุกคนล้วนปรารถนาความรัก จิตใจจะรู้สึกพร่องเสมอหากได้ความรักไม่เพียงพอ หลายคนขาดความรักจนสิ้นลม ในยามนั้นเขาไม่ได้ทุกข์เพราะโรคร้ายที่มาพรากชีวิตเท่านั้น แต่ยังทรมานจากความหนาวเหน็บและเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างในจิตใจอีกด้วย แม้กระนั้นหากโชคดีได้รับความรักในวาระสุดท้าย ความตายก็จะมิใช่ความทุกข์ทรมานแต่อย่างใด เกื้อจิตร แขรัมย์ เล่าถึงเด็กหนุ่มวัย ๑๗ ผู้หนึ่งซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งกระดูก เขาเป็นกำพร้าตั้งแต่อายุ ๒ ขวบ เนื่องจากพ่อแม่ตายด้วยโรคเอดส์ นอกจากยายที่เลี้ยงดูเขาแต่เล็ก เขาก็ไม่มีใครอื่นอีก เขาเคยถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา แต่เพียงแค่ ๓ วัน โรงพยาบาลบุรีรัมย์ก็ต้องมารับตัวกลับเพราะเขาร่ำร้องจะกลับบ้านท่าเดียว เนื่องจากห่วงยาย คิดถึงยาย ซึ่งยากจน ยังชีพด้วยการเก็บขยะขาย ต่อมามะเร็งได้ลุกลามไปที่สมองและลงมายังลูกอัณฑะ ถึงขั้นนี้แล้วโรงพยาบาลก็หมดหนทางรักษา ได้แต่ให้ยามอร์ฟีนทุก ๒ ชั่วโมง ทุกวันยายมาเยี่ยมเขา และกินอาหารจากถาดของเขา อาการเขาทรุดลงเป็นลำดับ กระทั่งคืนวันหนึ่งพยาบาลมาฉีดยาแก้ปวดให้เขา เขาจึงพูดขึ้นว่า “หมอครับ ยาแก้ปวดมอร์ฟีนใช่ไหมครับ ผมไม่ปวด ผมไม่เอาได้ไหมครับ ฉีดแล้วมันไม่มีประโยชน์” ว่าแล้วเขาก็พูดต่อ “ผมขอนิดเดียวได้ไหมครับ” พูดจบเขาก็เอื้อมมือไปจับแขนพยาบาลผู้นั้น เธอยืนนิ่งให้เขาจับ ปรากฏว่าเขาจับแขนเธอนานถึงครึ่งชั่วโมงโดยเธอไม่ปริปากบ่น เพื่อนพยาบาลเห็นว่าเธอยืนนิ่งตรงนั้นอยู่นาน จึงต่อว่าเธอว่า “ไม่มีงานทำหรือไง ไปยืนให้มันจับแขน ยาฉีดก็อีกตั้งเยอะเป็นถาด แผลอย่างอื่นก็ยังไม่ได้ทำ” แต่พยาบาลผู้นั้นเข้าใจความรู้สึกของผู้ป่วย ว่านี้คือความต้องการช่วงสุดท้ายของเขา จึงยืนนิ่งให้เขาจับแขน ฝ่ายเด็กหนุ่มเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พูดว่า “หมอครับ พอแล้วครับ ชีวิตผมต้องการแค่นี้แหละครับ หมอไปทำงานเถอะครับ ผมเข้าใจดี” ว่าแล้วเขาก็ปล่อยมือ ตีหนึ่งคืนนั้นเด็กหนุ่มก็สิ้นลม เด็กหนุ่มเลือกจับแขนพยาบาลผู้นั้น เพราะเห็นว่าเธอเป็นคนที่มีน้ำใจ ในขณะที่พยาบาลคนอื่นดูแลเขาตามหน้าที่ แต่เธอผู้นั้นทำด้วยหัวใจ เขาสัมผัสได้ถึงจิตใจที่มีเมตตาและอ่อนโยน นั่นคือสิ่งที่เขาโหยหามาตลอด ดังนั้นเมื่อใกล้จะตาย จึงไม่มีอะไรที่เขาปรารถนาอีกแล้วนอกจากสิ่งนี้ ความรัก ความเมตตา ไม่เพียงหล่อเลี้ยงใจให้อยู่อย่างมีความสุขเท่านั้น หากยังช่วยให้จิตใจเติมเต็มจนพร้อมตายอย่างสงบได้ |
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|