ความมั่นใจในตนเองนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็อย่าให้มากจนไม่ยอมรับฟังความเห็นของผู้อื่น หรือดูถูกผู้อื่น ส่วนมานะหรืออัตตานั้น ปุถุชนย่อมมีกันทุกคน แต่ก็อย่าให้มันครอบงำจิตใจ
วิธีหนึ่งที่ช่วยลดทอนมานะได้ก็คือ เปิดใจรับฟังคำแนะนำ คำทักท้วง หรือแม้กระทั่งคำตำหนิติเตียน สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนยาขมที่ช่วยกำราบมานะหรือความหลงตัวว่า “กูเก่ง กูแน่ กูดี”ได้ไม่น้อย เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกขุ่นเคืองหรือโกรธเวลาเจอคำตำหนิ ให้มองว่านั่นคือความทุกข์ร้อนของตัวมานะ ปล่อยให้มันทุกข์ไป อย่าไปเดือดร้อนกับมัน ถ้าเจอแบบนี้บ่อยๆ มันก็จะกำเริบเสิบสานน้อยลง และอยู่เป็นที่เป็นทางมากขึ้น คนเก่งหลายคนจะยินดีรับฟังคำวิจารณ์ หรือถึงกับเข้าไปหามันเพราะรู้ว่ามันจะช่วยลดมานะในใจเขาได้ บางคนถึงกับพูดว่า “วันไหนไม่ถูกตำหนิ วันนั้นเป็นอัปมงคล”
มานะนั้นหวงแหนหน้าตายิ่งนัก เวลาหน้าแตกมันจะโกรธหรือเป็นทุกข์มาก ถ้าคุณอยากกำราบมัน เวลาหน้าแตกก็อย่าโกรธหรือเป็นทุกข์ ให้ยิ้มรับเหตุการณ์ดังกล่าว ถือว่ามันเป็นสิ่งที่ช่วยทรมานมานะให้หายพยศได้เป็นอย่างดี บางคนเห็นประโยชน์ของการหน้าแตก จึงตั้งใจทำอะไรเปิ่นๆ ให้คนเห็น เมื่อทำบ่อยๆ ความหวงแหนหน้าตาหรือหลงใหลในภาพลักษณ์ก็จะเจือจางไปเอง
ธรรมชาติของมานะนั้นชอบเป็นหัวหน้าอยากบงการใครต่อใคร ดังนั้นวิธีหนึ่งที่กำราบมานะได้ดีก็คือ การไปเป็นลูกน้องหรือรับใช้ผู้อื่น แทนที่จะสั่งคนนั้นคนนี้ก็ลองเป็นคนรับคำสั่งบ้าง วิธีนี้จะช่วยให้อ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น ไม่เจ้ายศเจ้าอย่างหรือถือเนื้อถือตัว
|